โหมด A P S M ต่างกันยังไง ควรใช้โหมดไหนถ่ายภาพ
โหมดถ่ายภาพ A P S M ทั้ง 4 อย่างนี้เป็นคำถามที่คนเริ่มต้นมักจะถามกันว่าต่างกันยังไง แล้วควรใช้ตอนไหนถึงจะดีที่สุด วันนี้ผมเลยนำบทความเรื่องโหมดกล้องย่อยลงมาให้อ่านง่ายขึ้นเหลือแค่เรื่องที่มักจะถูกถามกันครับ หวังว่าจะช่วยแก้ป้ัญหาสำหรับคนที่เพิ่งซื้อกล้องตัวแรกได้ครับ
โหมด A, Mode A, Mode AV , Aperture Priority (สำหรับคนที่ชำนาญแล้ว)
โหมดนี้สำหรับคนที่ต้องการค่ารูรับแสงที่คงที่ (F) เมื่อเราตั้งค่ารูรับแสงไว้แล้ว ค่าอื่น ๆ กล้องจะเซ็ตให้เราเองครับ โดยที่เราอาจจะใช้การเซ็ต Auto อื่น ๆ ร่วมได้ เช่น Auto ISO Sensitivity เป็นต้นครับ ส่วนใหญ่คนที่ถ่ายภาพ Portrait จะเลือกแบบนี้ครับ เน้นการคุมความชัดตามที่ต้องการ ส่วนที่เหลือให้กล้องจัดการ
สถานการณ์ที่เหมาะจะใช้โหมด A
การถ่ายภาพ Portrait ครับ ส่วนใหญ่เน้นการทำให้หน้าชัดหลังเบลอ เราก็จะเปิด F1.4, F1.8 ค้างไว้ ส่วนที่เหลือให้กล้องเลือกให้เรา ปกติผมก็จะทำแบบนี้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของปริมาณแสง กล้องก็จะปรับค่า Speed Shutter ให้เอง สบายดีนะ
อ่านบทความสำหรับมือใหม่– วิธีถ่ายภาพด้วยโหมด M สำหรับมือใหม่ใน 7 ขั้นตอน
– เหตุผลที่ควรใช้โหมด M
– 10 โหมดถ่ายภาพพื้นฐานที่มือใหม่ต้องรู้
– เหตุผลที่ควรใช้โหมด M
– 10 โหมดถ่ายภาพพื้นฐานที่มือใหม่ต้องรู้
โหมด S, TV, Shutter Priority (สำหรับคนที่ชำนาญแล้ว)
โหมดนี้กล้องจะให้ความสำคัญกับ Shutter Speed เป็นหลัก โดยเราสามารถกำหนดค่า Shutter Speed ที่ต้องการไว้ ส่วนที่เหลือกล้องจะจัดการให้กับเราเองครับ เราอาจจะใช้การเซ็ต Auto อื่น ๆ ร่วมได้ เหมือนข้อก่อนหน้านี้ เช่น Auto ISO Sensitivity เป็นต้นครับ ส่วนใหญ่คนที่ถ่ายภาพ Portrait จะเลือกแบบนี้ครับ เน้นการคุมความชัดตามที่ต้องการ ส่วนที่เหลือให้กล้องจัดการ
สถานการณ์ที่เหมาะจะใช้โหมด S
การถ่ายภาพ Sport ต่าง ๆ เราก็จะเซ็ตค่า Speed Shutter ที่สูงค้างไว้เลวย หรือการถ่ายภาพที่ต้องการค่า Speed Shutter ต่ำคงที่เพื่อใช้ลากเส้นไฟถนน เราก็สามารถเลือกตรงนี้ค้างไว้ได้เช่นเดียวกัน
Mode P, โหมดโปรแกรม
โหมดกล้อง P หรือโหมดถ่ายภาพ Program เป็นอีกโหมดที่มีการทำงานคล้ายกับ Auto มาก กล้องจะคิดทุกอย่างให้แต่จะอนุญาตให้เราตั้งค่าบางอย่างได้ตามใจ เช่น ISO (ค่าความไวแสง), White Balance (แสงสุมดุลสีขาว), ค่าชดเชยแสง หรือแม้แต่โปรไฟล์สีของการถ่ายภาพ (Picture Style)
สถานะการณ์ที่เหมาะจะใช้โหมด Program
เหมือนกับโหมด Auto ทุกอย่าง เพียงแต่ค่าที่เราปรับแต่งเพิ่มจะส่งผลต่อภาพที่ออกมาด้วย เป็นโหมดที่ควรฝึกใช้เพื่อเรียนรู้การทำงานของกล้องก่อนจะเริ่มใช้โหมดที่เริ่มให้เราปรับได้ยืดหยุ่นมากกว่านี้ ถ้าเรารู้จักกล้องของเรามากขึ้น เราก็สามารถคุมภาพที่ออกมาได้มากขึ้นไปด้วยครับ
โหมด M, Mode M, Manual (สำหรับคนที่ชำนาญแล้ว)
โหมด M สำหรับคนที่ชำนาญแล้ว และก็รู้ว่าการควบคุมแต่และแบบในสไตล์ของตนเอง แบบไหนที่เข้ากับสิ่งที่ต้องการมากที่สุด เราสามารถปรับตั้งค่าทุกอย่างได้อิสระ ทั้งความเร็วชัตเตอร์, ค่าความไวแสง, รูรับแสง และอื่น ๆ ที่ต้องการได้อย่างอิสระ บางครั้งอาจจะเลือกการตั้งค่า Auto ในบางส่วนได้เช่น Auto ISO แบบที่ลิมิต ISO สูงสุดที่รับไว้ได้
สถานการณ์ที่เหมาะจะใช้โหมด M
ได้หมด ถ้าเรารู้ว่าการตั้งค่าของกล้องให้เข้ากับสถานการณ์นั้น มักจะเป็นการถ่ายภาพที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงค่าบ่อยนัก เช่น ถ่ายภาพสินค้า หรือแฟชั่นในงานสตูดิโอ หรือจะเอามาใช้ในการถ่ายภาพปกติก็ได้ถ้าเราถนัดการเซ็ตค่าแบบนี้ครับ
สรุปเรื่องโหมด A P S M
ถ้าเราต้องการถ่ายภาพโหมดไหน ก็ย้อนกลับไปดูเลยว่าแต่ละโหมดจะให้ความสำคัญของแต่ละอย่างต่างกัน
– ถ้าหากเราต้องการล็อครูรับแสงที่ต้องการไว้ให้ใช้โหมด A
– ถ้าต้องการล็อคความเร็วชัตเตอร์ไว้ให้ใช้โหมด S
– ถ้าต้องการออโต้ แต่ปรับค่าได้นิดหน่อย มือใหม่ก็ P
– ส่วนถ้าเราโปรแล้วให้ไปโหมด M ได้เลยถ้าต้องการปรับค่าอิสระตามที่ต้องการครับ
– ถ้าต้องการล็อคความเร็วชัตเตอร์ไว้ให้ใช้โหมด S
– ถ้าต้องการออโต้ แต่ปรับค่าได้นิดหน่อย มือใหม่ก็ P
– ส่วนถ้าเราโปรแล้วให้ไปโหมด M ได้เลยถ้าต้องการปรับค่าอิสระตามที่ต้องการครับ